เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 61 นายจรินทร แย้มสุนทร ประธานแพร่รถซิ่ง พร้อมคณะจากจังหวัดแพร่ จำนวน 60 คน เดินทางมายังจังหวัดน่าน เพื่อนำข้าวสารอาหารแห้ง ขนม เสื้อผ้า กางเกง ร้องเท้า อุปกรณ์การเกษตรและของใช้ต่างๆ พร้อมเลี้ยงอาหารกลางวัน ให้ชุมชนมลาบรี(ตองเหลือง) บ้านห้วยลู่ ต.สะเนียน อ.เมือง จว.น่าน โดยมีนายเจริญชัย แปงล้วน ประธานชมรมมิตรอาสานันทบุรี (เส้นทางมิตรภาพ ฅนอาสา) จังหวัดน่าน พร้อมคณะให้การต้อนรับและร่วมเดินทาง ได้รับการอำนวยสะดวกจาก สถานีตำรวจภูธรเมืองน่านและตำรวจตระเวนชายแดนที่ 324 ในการเดินทางในครั้งนี้
นายจรินทร ฯประธานแพร่รถซิ่ง กล่าวว่า การมาเยี่ยมชนเผ่ามลาบรีในครั้งนี้ เป็นการมาเยี่ยมเยือนพบปะพี่น้องชนเผ่ามาลาบรี เพื่อนำสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภคมามอบให้ทุกครอบครัว เพื่อเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอากาศหนาวที่กำลังมาถึงในช่วงนี้
ด้านนายเจริญชัยฯ ประธานชมรมมิตรอาสานันทบุรี (เส้นทางมิตรภาพ ฅนอาสา) จังหวัดน่าน กล่าวว่าการเดินทางจากถนนหลวงเข้าไป 12 กิโลเมตร เป็นถนนลูกรังใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง กว่าๆ รถธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้ต้องใช้รถออฟโรดขับเคลื่อนสี่ล้อ ในการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งมีฝนตกตลอดการเดินทาง สำหรับชาวมลาบรี บ้านห้วยลู่ มีจำนวน 12 ครัวเรือน จำนวนประชากร 56 คน
มาลาบรี (มละ) หรือ ผีตองเหลือง ชนกลุ่มนี้เรียก ตัวเองว่า “คนป่า” หรือ “มลาบรี” ไม่ชอบถูกเรียกว่า “ผีตองเหลือง” แต่ที่ผู้คนในที่ราบ คุ้นเคยกับคำว่า “ผีตองเหลือง” อาจเนื่องมาจากคนป่ากลุ่มนี้ มักชอบหายตัวไปอย่างว่องไว เมื่อเผชิญกับคนแปลกหน้าจะทิ้งไว้เพียงเพิงพัก ซึ่งมุงด้วยใบตองกล้วยป่าที่ผ่านการใช้งานมาหลายวัน จนใบตองเปลี่ยนจากสีเขียว จนเป็นสีเหลือง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์มองโกลอยด์ดั้งเดิม เป็นกลุ่มชนเร่ร่อนไม่ตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง เดิมมีถิ่นฐานอยู่ในเขตจังหวัด สายะบุรี ประเทศลาว ต่อมาเริ่มอพยพไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ เช่น แถบภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ แถบภูกระดึง จังหวัดเลย และตามดอยสูงในป่าทางภาคเหนือของประเทศไทย บางครั้งการย้ายนั้นไม่ใช่ว่าอาหารในป่าหมด แต่เป็นเพราะว่า ชนเผ่า “มละ” นั้นเกรงกลัวมนุษย์ ที่จะไปรุกราน รบกวน หรือทำร้ายพวกเขา ฉะนั้นเมื่อมีคนแปลกหน้าหรือได้ยินเสียงคนก็ตามเข้าไปใกล้เขตที่พวกเขาอาศัยอยู่ พวกเขาก็จะพาครอบครัวหลบหนีอย่างว่องไว โดยทิ้งไว้แค่เพิงพักอาศัยเท่านั้น.
ปฏิญญา เรือนงาม ข่าว/ภาพ